อรุสวัสดีครับ วันนี้จะมาแนะนำ 4 เทคนิคเติมหน้าระหว่างวัน ที่ควรรู้ไว้  แน่นอนว่าแต่งหน้าเสร็จแล้วออกไปทำกิจกรรม เมคอัพที่เราลงไว้นั้น มีบ้างบางโอกาสที่ไม่ติดทน หากเจอสถานการณ์แบบนี้เราควรที่จะทำยังไง เพื่อให้เรากลับมาสวยอีกครั้ง มีอะไรบ้างไปดูกันเลยครับ

1.เครื่องสำอางพกพา สิ่งที่ควรจะพกไว้ติดตัว เพื่อการเติมหน้าระหว่างวันนั้น มีเพียงแป้งและลิปสติก เท่านี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วหากไม่กลัวยุ่งวุ่นวายและเป็นภาระในการหอบหิ้ว จะพกอายแชโดว์และบลัชออนไปด้วยก็ตามแต่ใจสาว ๆ ได้เลยครับ แต่สิ่งที่ไม่ควรจะพกไปไหนต่อไหนอย่างยิ่งก็คือรองพื้นกับแป้งฝุ่น ซึ่งควรจะมีไว้สำหรับแต่งหน้าอยู่ที่บ้านเท่านั้น แต่ด้วยพฤติกรรมสมัยนี้เครื่องสำอางในรูปแบบซองมีออกมามากมาย ทำให้การพกพานั้นง่ายขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็น คูชั่นซอง คอลซีลเลอร์ซอง ลิปสติกซอง ลิปทิ้นท์ซอง ลิปเซรั่มซอง เป็นต้น ดังนั้นเราสามารถหยิบมาเติมได้ระหว่างวันเลยครับ

2.เหงื่อออกมากระหว่างวัน การที่อยู่ท่ามกลางแสงแดด อากาศร้อนหรือทำกิจกรรมอื่นใดอันเป็นผลให้มีเหงื่อออกมาก ถ้าแก้แต่เริ่มเลยก็คือ แนะนำให้เลือกใช้เครื่องสำอางที่กันน้ำกันเหงื่อ เช่น คูชั่นกันน้ำ รองพื้นกันน้ำ แป้งกันน้ำ เป็นต้น ทำให้เมคอัพของคุณไม่ไหลเยิ้มหรืออาจจะช่วยทำให้เยิ้มน้อยลง และถ้าแก้ที่ปลายทางคือ สาวๆ อาจไม่ต้องถึงกับล้างหน้าที่แต่งไว้สวยงามดีตั้งแต่เช้าแล้วทิ้งไปเพื่อเริ่มแต่งใหม่อีกรอบหนึ่ง สาว ๆ เพียงแค่ฉีดสเปรย์น้ำแร่หรือพรมน้ำเข้าที่ใบหน้าแบบเบาๆ ให้ทั่ว แล้วใช้กระดาษทิชชู่ซับออกให้แห้ง ต้องซับอย่างระมัดระวังให้มากที่สุด แล้วค่อยแต่งเพิ่มเติมให้มีสีสันขึ้นตามสมควร

3.สีทาปากซีดเร็ว วิธีที่จะทำให้สีทาปากติดทนอยุ่ได้นานนั้น เมื่อทาปากเสร็จแล้วใช้กระดาษทิชชู่กดซับออก แล้วซับแป้งฝุ่นทับลงไปจากนั้นก็เริ่มทาปากใหม่อีกชั้นหนึ่ง สีจะไม่ซีดจางง่าย แต่ในความเป็นจริงไม่อยากแนะนำให้สาว ๆ ใช้วิธีนี้นัก เพราะจะทำให้ปากดูหนาเป็นชั้นและบางครั้งเกิดรอยแตกย่นบนริมฝีปากอีกด้วย ถ้าคุณรุ้สึกว่าสีทาปากซีดจางหรือลบเลือนก็เช็ดออกแล้วทาใหม่อีกครั้ง จะดูสะอาดกว่าแล้วทำให้ริมฝีปากไม่ดูหนาอีกด้วยครับ

4.ทาลิปสติกแล้วปากลอก อาจเป็นไปได้ว่าเกิดจากการแพ้ลิปสติก ลองตรวจดูให้แน่ใจแล้วเลิกใช้ลิปสติกที่ก่อให้เกิดอาการนั้น ถ้าคุณทาลิปสติกแล้วปากลอก พยายามอย่าใช้ลิปสติกชนิดสีด้าน ควรใช้แบบที่ผสมมอยส์เจอไรเซอร์หรือมีความมันวาว วิธีแก้ง่ายที่สุดคือ อย่าลืมทาลิปกลอสหรือ ลิปเซรั่ม ทิ้งไว้ก่อนการเริ่มแต่งหน้าและก่อนทาสีปาก เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก ถ้าปากลอกแตกเป็นขุยอยู่ในขณะที่กำลังจะทาลิปสติก ให้ใช้มอยส์เจอร์ธรรมดาแตะให้ทั่วริมฝีปากทิ้งไว้ราว 5 นาที แล้วเช็ดออกด้วยกระดาษทิชชู่ หนังที่ลอกจะเปื่อยยุ่ยหลุดออกมา สาว ๆ อาจใช้สำลีชุบน้ำอุ่นในการเช็ดปากก็ได้หรือถ้าปากลอกมากลองใช้สำลีชุบน้ำเกลืออุ่น ๆ แตะแล้วเม้มริมฝีปากกำสำลีไว้ราว 5 นาทีก็ได้จากนั้นเช็ดออก จะช่วยแก้อาการเฉพาะหน้าได้ก่อนจะลงมือทาปาก

แน่นอนครับว่า 4 เทคนิคนี้เป็นเล็กน้อยเท่านั้น จริงๆ แล้วยังมีอีกมากมาย ไว้น้องฉัตรจะมาแนะนำใหม่ในบทความต่อๆ ไปนะครับ ฝากติดตามและหากชื่นชอบบทความนี้อย่าลืมแชร์ให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันนะครับ

ขอบคุณครับ ^^

บทความที่คุณอาจสนใจ

Trick ขั้นตอนเตรียมผิว “ให้สวย อิ่มฟู” ก่อนแต่งหน้า by น้องฉัตร

เทคนิค “แต่งหน้าลุคใสๆ” Work From Home by น้องฉัตร

คูชั่นน้องฉัตร ไอเทมซัมเมอร์ “คูชั่นกันน้ำ” ที่ต้องพกติดตัว”

2 ขั้นตอนทาลิปทินท์ และลิปเซรั่มน้องฉัตร ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที

เทคนิคแต่งหน้าง่าย ๆ แบบเร่งด่วนด้วยคุชชั่นและลิปทินท์

6 ขั้นตอน ทาปากอย่างไรให้สวยฉ่ำ by น้องฉัตร

5 เทคนิคเตรียมตัวอย่างไรให้ “แต่งหน้าผิวสวยเป๊ะรับซัมเมอร์”

          สวัสดีครับ การทาปากอย่างไรให้สวย ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักสีทาปากกันก่อนครับ สีทาปากมีทั้งแบบที่เป็นครีมอยุ่ในตลับและแบบแท่งลิปสติก (Lipstick) ให้เลือกใช้ได้ตามความสะดวก แต่ควรใช้ควบคู่กับพู่กันทาปากเพื่อความเรียบเนียนของเนื้อสี ในบรรดาเครื่องสำอางทั้งหมด สี ทาปาก ในรูปแบบของลิปสติกจะดูเป็นที่คุ้นเคยของสาว ๆ ทุกคนมากกว่าอย่างอื่นและเป็นสัญลักษณ์แทนความเป็นผู้หญิงอีกด้วย ว่ากันว่าพียงแค่ลิปสติกก็สามารถเสกสรรให้คุณเป็นผู้หญิงได้หลายสไตล์ จะมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง อย่ารอช้าไปดูกันเลยครับ

6 ขั้นตอนทาปากอย่างไรให้สวยฉ่ำ

1. ก่อนการ ทาปาก สาว ๆ ควรเตรียมพื้นผิวปากสักเล็กน้อย หากริมฝีปากแห้งหรือแตกลอก ควรที่จะบำรุงด้วยมอยส์เจอร์หรือ ลิปเซรั่ม ให้ชุ่มชื่นก่อนการเริ่มแต่งหน้า และหลังจากการแต่งหน้าแล้วก่อนที่จะเข้าขั้นตอนการทาปาก สาว ๆ ควรเช็คคราบฝุ่นสี บลัชออน แป้ง รองพื้น หรือสิ่งอื่นใดที่เราไม่ต้องการออกจากริมฝีปากเสียก่อนที่เราจะทำการทาลิปก็เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ครับ

2.ทาลิปเซรั่มหรือลิปกลอสให้ทั่วทั้งริมฝีปาก เพื่อเป็นการบำรุงและเพิ่มความสดใส หากบางคนไม่รู้สึกอยากทาปากออกสีจัดหรือดูทาปากมากจนเกินไป ก็อาจจะหยุดที่ขั้นตอนนี้เพียงแค่ทาลิปเซรั่มหรือลิปกลอสอย่างเดียว ก็ดูสวยธรรมชาติแบบสุขภาพดีได้ และหากอยากจะเติมสีสันขึ้นมาหน่อยก็สามารถทำได้โดยลงลิปทินท์ไว้ด้านในริมฝีปาก เท่านี้ก็จะดูมีสีสันขึ้นและยังดูเป็นธรรมชาติอยู่

3.หลังจากทาลิปเซรั่มหรือลิสกลอสแล้ว ให้ใช้ดินสอเขียนขอบปากเขียนเป็นเส้นกรอบของริมฝีปากไว้ก่อน เพื่อความคมชัดและสะดวกในการลงสีทั้งปากและอาจใช้ดินสอแท่งเดียวกันนี้ระบายต่อไปให้เต็มทั้งริมฝีปากก็ได้เหมือนกันครับ

4.การระบายทั้งหมดทั่วริมฝีปากด้วยดินสอนั้น จะได้สีที่มีความด้านในระดับหนึ่ง ซึ่งสาว ๆ บางคนอาจจะไม่ชอบ ให้เพิ่มด้วยการใช้การลงสีด้วยพู่กันทาปากแทน โดยเลือกสีเดียวกันกับสีของดินสอที่ได้ทาไปก่อนหน้านี้ การใช้พู่กันนั้นจะช่วยให้การทาสีปากง่ายขึ้นและเรียบเนียนดี ข้อควรระวังคืออย่าทาให้เนื้อสีดูหนาจนเกินไป

5.ขั้นตอนนี้สาวๆ สามารถแต่งริมฝีปากเพิ่มเติมตามความต้องการได้เลย เช่น ทาทับด้วยลิปเซรั่มหรือลิปกลอสอีกครั้งเพื่อให้ริมฝีปากดูสดใส ฉ่ำวาวขึ้น หากไม่ต้องการให้ดูมันหรือวาวมากให้ซับด้วยกระดาษทิชชู่ แปะทับปากไว้ แล้วใช้พู่กันลงแป้งฝุ่นบนกระดาษอีกทีก็จะได้ริมฝีปากที่ดูด้านกว่าเดิมครับ อันนี้อยู่ที่สาว ๆ เลยครับว่าชอบแบบไหน

6.ริมฝีปากที่ทาเสร็จแล้ว จะอวบอิ่มและสดใสได้รูป มีความสวยงามกลมกลืนกันกับสีสันในส่วนอื่น ๆ บนใบหน้า หากสาว ๆ คนไหนต้องการทาปากให้ฉูดฉาดโดดเด่นหรือคมเข้มขึ้นอีก เพื่อให้เข้ากับเมคอัพส่วนอื่นก็ย่อมได้ครับ สามารถเติมลิปได้อีกแต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของโอกาสและใบหน้าของตนเองนะครับ

ต้องบอกก่อนว่า !! ลิปสติกที่ดีต้องมีเนื้อครีมเนียนละเอียด ซึ่งทดสอบได้ด้วยการลองสัมผัสดู อาจลองทาบนริมฝีปากโดยตรงหรือทาลงบนหลังมือ ไม่ควรเลือกสีทาปากที่ลองแล้วสีขาดจากกันหรือทาแล้วไม่รู้สึกลื่นบนผิว ปัจจุบันลิปสติกมีให้เลือกอย่างหลากหลาย ทั้งแบบเนื้อด้าน แบบเนื้อมัน สีสันนับพันสี ตลอดจนแบบที่ผสมผสานลูกเล่นอื่นอีกเยอะมาก สาว ๆ ไม่จำเป็นต้องต้องมีสีลิปสติกมากมายหลายแท่ง หากรู้จักลองผสมสีที่มีอยู่ให้ได้สีใหม่ ๆ สีจะออกมาสวยหรือไม่สวยนั้นอยู่ที่ริมฝีปากของแต่ละคน ดังนั้นขอให้สาว ๆ มั่นใจ เท่านี้เราก็จะดูสวยแล้วครับ ขอให้สนุกกับการทาปากนะครับ

หากชื่นชอบบทความนี้ก็อย่าลืมแชร์ให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันนะค้าบ